เครื่องดัดไฮดรอลิกคืออุปกรณ์อุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งใช้แรงดันไฮดรอลิกเพื่อขึ้นรูปแผ่นโลหะ พื้นผิว และโครงสร้างโลหะให้ได้มุม โค้ง หรือรูปทรงที่ซับซ้อนอย่างแม่นยำ โดยเครื่องชนิดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถในการให้แรงดันสูง การกระจายแรงได้อย่างสม่ำเสมอ และการควบคุมที่แม่นยำ ทำให้เป็นเครื่องจักรที่ขาดไม่ได้ในงานช่างโลหะหนัก ต่างจากเครื่องดัดเชิงกลที่ใช้ล้อเหวี่ยงและชุดต่อคันโยง แบบจำลองไฮดรอลิกจะใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกหนึ่งตัวหรือมากกว่าที่เชื่อมต่อกับปั๊มไฮดรอลิก ถังเก็บน้ำมัน และวาล์วควบคุม เพื่อสร้างแรงดัน ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแรงกดได้อย่างราบรื่นตลอดชิ้นงาน เครื่องดัดไฮดรอลิกจึงสามารถใช้งานกับวัสดุที่มีความหนาตั้งแต่ 1 มม. ถึงมากกว่า 100 มม. และโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูง เช่น สแตนเลส เทอร์เทียม และเหล็กความแข็งแรงสูง ซึ่งมักใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การต่อเรือ และการก่อสร้าง ส่วนประกอบหลักของเครื่องดัดไฮดรอลิกได้แก่ โครงเครื่อง (โดยทั่วไปเป็นโครงแบบ C หรือ H เพื่อความมั่นคง) คานด้านบน (ที่ยึดหัวดัด Punch) คานด้านล่าง (ที่ยึดแม่พิมพ์ Die) กระบอกสูบไฮดรอลิก (โดยทั่วไปมีสองตัวเพื่อให้แรงสมดุล) และระบบควบคุม (แบบ Manual, กึ่งอัตโนมัติ หรือ CNC) เครื่องดัดไฮดรอลิกที่รวมระบบ CNC มีความสามารถในการตั้งโปรแกรมขั้นสูง ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถบันทึกลำดับการดัด ปรับค่าแรงและอัตราความเร็ว และประสานงานกับระบบ Backgauge เพื่อตำแหน่งชิ้นงานที่แม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมความคลาดเคลื่อนให้แคบถึงระดับ ±0.05 มม. สำหรับงานเช่น การทำแม่พิมพ์และวิศวกรรมความแม่นยำ หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของระบบไฮดรอลิกคือ ความสามารถในการรักษาแรงดันคงที่ตลอดการดัด ทำให้การเปลี่ยนรูปของชิ้นงานสม่ำเสมอแม้ในชิ้นงานยาว (ถึง 6 เมตรหรือมากกว่า) ซึ่งเครื่องเชิงกลอาจมีแรงกดลดลง แรงดันที่สม่ำเสมอนี้ยังช่วยลดปรากฏการณ์ Springback หรือการเด้งกลับของวัสดุหลังการดัด โดยผู้ปฏิบัติงานสามารถดัดเกินเล็กน้อยเพื่อชดเชย ทำให้ได้ขนาดที่แม่นยำมากขึ้น เครื่องดัดไฮดรอลิกยังมีระบบป้องกันการโอเวอร์โหลด โดยวาล์วปล่อยแรงดันจะช่วยป้องกันความเสียหายต่อเครื่องจักรหรือแม่พิมพ์หากแรงดันเกินระดับที่ปลอดภัย ช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าบำรุงรักษา แม่พิมพ์สำหรับเครื่องดัดไฮดรอลิกมีทั้ง Punch และ Die หลากหลายรูปแบบ โดย Die แบบ V เป็นมาตรฐานสำหรับการดัดมุม (90°, 135° เป็นต้น) และ Die พิเศษสำหรับการขึ้นรูปช่อง กล่อง หรือรูปทรงเฉพาะ การเลือกความกว้างของ Die มีความสำคัญมาก โดยทั่วไปแนะนำให้ความกว้างของ Die ควรเป็น 6-8 เท่าของความหนาของวัสดุ เพื่อป้องกันการแตกร้าว แม้ว่าค่านี้จะแตกต่างกันไปตามประเภทของวัสดุและความแข็งแรงดึง ในการใช้งาน ชิ้นงานจะถูกวางบน Die ระบบ Backgauge จะจัดตำแหน่งให้แม่นยำ จากนั้นกระบอกสูบไฮดรอลิกจะลด Punch ลงสู่ Die เพื่อประยุกต์แรงจนได้มุมที่ต้องการ เครื่องดัดไฮดรอลิกรุ่นใหม่ๆ มักมีระบบ Crowning (แบบกลไกหรือไฮดรอลิก) เพื่อชดเชยการบิดงอของคานในชิ้นงานยาว ทำให้มุมการดัดขนานตลอดทั้งชิ้นงาน ประสิทธิภาพพลังงานยังได้รับการปรับปรุงด้วยปั๊มแบบแปรผัน (Variable Displacement) ซึ่งปรับอัตราการไหลตามความต้องการ ลดการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับระบบปั๊มแบบคงที่ การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 6927 (ระบบพลังงานไฮดรอลิก) และ EN 12625 (ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับเครื่องดัด) ทำให้เครื่องเหล่านี้ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยและการทำงานระดับโลก เหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรปไปจนถึงอู่ต่อเรือในเอเชีย